Last updated: 13 พ.ย. 2567 | 150 จำนวนผู้เข้าชม |
Cookie Consent คืออะไร? การยอมรับคุกกี้ปลอดภัยไหม?
ภาพจาก: https://contentshifu.com/blog/cookie-consent-banner
เชื่อว่าทุกคนที่เคยค้นคว้าหาข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้นน่าจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่า Cookie Consent หรือ การยอมรับคุกกี้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายคนพอเห็นสิ่งนี้ก็อาจจะกดตกลงยอมรับคุกกี้โดยอัตโนมัติ เพื่อที่จะสามารถดำเนินการค้นหาข้อมูลหรือเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ถูกขัดจังหวะด้วยหน้าต่างแจ้งเตือน แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า Cookie Consent จริง ๆ แล้วคืออะไร การยอมรับคุกกี้นั้นปลอดภัยหรือไม่ เหตุใดเว็บไซต์ต่าง ๆ ถึงจำเป็นต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้งาน
การขอความยินยอมจากผู้ใช้ในการใช้งานคุกกี้ หรือที่เรียกว่า Cookie Consent เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว เช่น กฎหมาย PDPA (ในประเทศไทย) และ GDPR (ในสหภาพยุโรป) ซึ่งมุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ การขอความยินยอมนี้ช่วยให้ผู้ใช้มีสิทธิ์ในการควบคุมและรับรู้เกี่ยวกับประเภทของคุกกี้ที่เว็บไซต์ใช้งาน รวมถึงวัตถุประสงค์ในการใช้คุกกี้เหล่านั้น โดยภายใต้กฎหมาย PDPA ผู้ใช้มีสิทธิ์ในการทราบว่าข้อมูลใดบ้างที่ถูกเก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ และสามารถปฏิเสธหรือถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อ
ภาพจาก: https://www.acisonline.net/?page_id=8726
สำหรับกฎหมาย PDPA ของประเทศไทยนั้นจะมุ่งเน้นไปที่ 8 ปัจจัยหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่
1. การขอความยินยอม (Consent)
เว็บไซต์และองค์กรที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนที่จะดำเนินการเก็บ ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูลนั้น โดยต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และวิธีการใช้งานข้อมูลดังกล่าว การขอความยินยอมนี้ต้องไม่บังคับ และเจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
องค์กรสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและถูกต้อง นอกจากนี้ยังต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการรั่วไหลหรือการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. การใช้ข้อมูล (Processing of Data)
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น หากมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะอื่นที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับการยินยอม ผู้ให้บริการต้องได้รับความยินยอมใหม่จากเจ้าของข้อมูล หรือมีข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด
4. สิทธิของเจ้าของข้อมูล (Data Subject Rights)
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิต่าง ๆ ภายใต้กฎหมาย PDPA เช่น:
- สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
- สิทธิในการขอให้ลบข้อมูล
- สิทธิในการขอให้หยุดใช้ข้อมูล
- สิทธิในการขอโอนย้ายข้อมูลไปยังหน่วยงานอื่น
5. การแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูล (Data Breach Notification)
หากเกิดเหตุการณ์ละเมิดความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล องค์กรจะต้องแจ้งให้สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าของข้อมูลทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งคือ 72 ชั่วโมง
6. การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (Data Protection Officer - DPO)
องค์กรที่มีการเก็บ ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลในปริมาณมากจำเป็นต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) เพื่อดูแลติดตามการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA และให้คำแนะนำแก่หน่วยงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
7. การโอนย้ายข้อมูลไปต่างประเทศ (Cross-Border Data Transfer)
หากองค์กรต้องโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าประเทศปลายทางนั้นมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนการโอนย้าย
8. บทลงโทษ (Penalties)
หากองค์กรมีการละเมิดกฎหมาย PDPA อาจได้รับโทษทั้งในทางปกครอง อาญา และทางแพ่ง ซึ่งรวมถึงค่าปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาท และโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ในกรณีที่มีการละเมิดอย่างร้ายแรง
ภาพจาก: https://yeswebdesignstudio.com/th/blog/
การยอมรับคุกกี้ (Cookies) ถือว่าปลอดภัยโดยทั่วไป ตราบใดที่เว็บไซต์ที่เข้าชมมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนและปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล เช่น กฎหมาย PDPA ในประเทศไทย หรือ GDPR ในยุโรป อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของการยอมรับคุกกี้ขึ้นอยู่กับประเภทของคุกกี้และเว็บไซต์ที่เข้าชม โดยประเภทของ คุกกี้ (Cookies) มีดังนี้
1. คุกกี้ที่จำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การเข้าสู่ระบบ การทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวมากนัก เนื่องจากใช้เพื่อจุดประสงค์ที่จำเป็นในการให้บริการ โดยคุกกี้ประเภทนี้ไม่สามารถปิดการใช้งานได้หากต้องการให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง
2. คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และประสิทธิภาพ (Analytics and Performance Cookies)
คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้เว็บไซต์สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยข้อมูลที่ถูกเก็บมักจะเป็นแบบนิรนาม แต่ในบางกรณีอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนการเก็บข้อมูลเหล่านี้
3. คุกกี้เพื่อการตลาดและการโฆษณา (Marketing and Advertising Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้ถูกใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมการท่องเว็บไซต์ของบุคคลและแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ โดยอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้มากกว่า และมีการแชร์ข้อมูลกับบริษัทภายนอก การยอมรับคุกกี้เหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
4. คุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookies)
คุกกี้เหล่านี้มักถูกติดตั้งโดยบุคคลที่สาม เช่น โฆษณาหรือปลั๊กอินที่ฝังในเว็บไซต์ ข้อมูลที่ถูกเก็บอาจถูกแชร์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ทำให้มีความเสี่ยงมากกว่าคุกกี้ที่เก็บโดยเว็บไซต์ที่เข้าชมโดยตรง
อย่างไรก็ตาม คุกกี้ (Cookies) บางประเภท เช่น คุกกี้ของบุคคลที่สาม อาจมีการติดตามพฤติกรรมการท่องเว็บของบุคคลหนึ่งในหลายเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลให้มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่าที่คาดคิด หาก คุกกี้ (Cookies) ถูกใช้อย่างไม่เหมาะสมหรือถูกเก็บไว้โดยเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผยหรือนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องได้